รีวิวหนัง Pride & Prejudice (2005) ดอกไม้ทรนงกับชายชาติผยอง
ประเภทของภาพยนตร์: ดราม่า, โรแมนติก
วันที่เข้าฉาย: 23 กุมภาพันธ์ 2006
ผู้กำกับ: Joe Wright
นักแสดงนำ: Keira Knightley , Matthew Macfadyen , Rosamund Pike , Jena Malone , Carey Mulligan , Donald Sutherland , Judi Dench
ความยาว : 127 นาที
เรื่องย่อ:
หนังใหม่ เรื่องราวในมุมหนึ่งของประเทศอังกฤษช่วงปลายศตวรรษที่ 18 เมื่อมิสซิสเบนเน็ต (เบรนด้า เบล็ทธิน) ได้ทราบข่าวสุดน่าตื่นเต้นว่ามีหนุ่มโสดผู้ร่ำรวยย้ายมาอยู่ที่คฤหาสน์เนเธอร์ฟิลด์ปาร์ก มิสซิสเบนเน็ตผู้มีลูกสาว 5 คนและไม่มีทรัพย์สิน จำเป็นต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้หนุ่มโสดผู้นี้แต่งงานกับลูกสาวของเธอคนหนึ่ง
มิสเตอร์ชาร์ลส์ บิงลี่ย์ (ไซม่อน วู้ดส์) ผู้มาใหม่สนใจในตัวเจน เบนเน็ต (โรซามันด์ ไพค์) ลูกสาวคนโตที่สวยงามและมีมารยาทดี แต่โชคร้ายที่เพื่อนของบิงลี่ย์ มิสเตอร์ฟิตซ์วิลเลี่ยม ดาร์ซี่ (แมทธิว แม็คฟาเดียน) ไม่คิดจะเกี่ยวข้องกับชาวเมือง เขาปฏิเสธที่จะเต้นรำกับเอลิซาเบธ เบนเน็ต (คีร์รา ไนท์ลีย์) ซึ่งแอบได้ยินคำสบประมาทของเขา
เมื่อได้รับคำเชิญจากน้องสาวของบิงลี่ย์ มิสซิสเบนเน็ตจึงส่งเจนเดินทางไปยังเนเธอร์ฟิลด์ท่ามกลางสายฝน ทำให้เจนต้องพักค้างคืนที่นั่น และเจนก็ป่วย เอลิซาเบธจึงรีบไปดูแลพี่สาว ในระหว่างนี้ ดาร์ซี่เริ่มรู้สึกชื่นชมเอลิซาเบธมากขึ้น
การมาถึงของกองทหารอาสาทำให้เอลิซาเบธเกิดความสนใจในตัวมิสเตอร์วิคแฮม (รูเพิร์ต เฟรนด์) ทั้งสองสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว และวิคแฮมเผยว่าเขาเคยถูกดาร์ซี่ปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ครอบครัวเบนเน็ตยังมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญอีกคนคือ มิสเตอร์คอลลินส์ (ทอม ฮอลแลนเดอร์) ญาติที่จะได้รับบ้านของครอบครัวเมื่อมิสเตอร์เบนเน็ตสิ้นชีวิต มิสเตอร์คอลลินส์ตั้งใจจะแต่งงานกับลูกสาวคนหนึ่งของครอบครัวเบนเน็ต แต่เมื่อเห็นว่าเจนมีคนสนใจแล้ว เขาจึงหันมาสนใจเอลิซาเบธแทน
ความรักของเจนและเอลิซาเบธต้องเจอกับความท้าทายเมื่อเกิดงานเลี้ยงที่เนเธอร์ฟิลด์ วิคแฮมหายตัวไป ทำให้เอลิซาเบธโทษดาร์ซี่ หลังงานเลี้ยง บิงลี่ย์จากไป ทิ้งให้เจนหัวใจสลายและเอลิซาเบธรู้สึกโกรธแค้น เธอปฏิเสธคำขอแต่งงานของคอลลินส์ แม้ว่าจะสร้างความไม่พอใจแก่ครอบครัวก็ตาม แต่สิ่งที่ทำให้เอลิซาเบธตกใจยิ่งกว่าคือ ชาร์ล็อตต์ ลูคัส (คลาวดี้ แบล็กลี่ย์) เพื่อนของเธอตกลงที่จะแต่งงานกับคอลลินส์
ในเวลาต่อมา เอลิซาเบธได้เดินทางไปเยี่ยมคู่แต่งงานใหม่และพบกับเลดี้แคเธอรีน เดอ บัวร์ก (จูดี้ เดนช์) ผู้อุปถัมภ์ของมิสเตอร์คอลลินส์ ซึ่งมีแขกชายหนุ่มสองคน หนึ่งในนั้นคือมิสเตอร์ดาร์ซี่ ดาร์ซี่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับเอลิซาเบธด้วยการประกาศความรัก แต่เอลิซาเบธปฏิเสธ โดยกล่าวหาว่าเขาทำลายความสุขของเจนและวิคแฮม ทั้งสองจบการสนทนาด้วยความโกรธเคือง แต่หลังจากนั้นดาร์ซี่เขียนจดหมายให้เอลิซาเบธ ซึ่งทำให้เธอได้รู้ความจริงเกี่ยวกับการกระทำของวิคแฮม
เมื่อกลับถึงบ้าน เอลิซาเบธพยายามห้ามลิเดีย น้องสาวคนสุดท้อง ไม่ให้ไปไบรห์ตันพร้อมกับกองทหาร แต่พ่อของเธอกลับไม่เห็นความสำคัญ เอลิซาเบธจึงตอบตกลงเดินทางไปยังตำบลพีกกับลุงและป้าของเธอ เมื่อป้าลุงยืนยันที่จะไปเยี่ยมเพมเบอร์ลี่ย์ บ้านของดาร์ซี่ เอลิซาเบธรู้สึกลำบากใจที่จะต้องพบดาร์ซี่ แต่การต้อนรับที่อบอุ่นของเขาทำให้เธอเริ่มเปลี่ยนความรู้สึก
ในขณะที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองเริ่มพัฒนา ลิเดียได้หนีตามวิคแฮมไป ทำให้ครอบครัววิตกกังวล แต่ในที่สุดงานแต่งงานของลิเดียกับวิคแฮมก็ถูกจัดขึ้นโดยการช่วยเหลือของดาร์ซี่ เอลิซาเบธเริ่มรู้สึกตัวว่าตนรักดาร์ซี่มากแค่ไหน การกลับมาของบิงลี่ย์พร้อมกับดาร์ซี่ทำให้เกิดความหวังว่าเอลิซาเบธและดาร์ซี่อาจจะก้าวข้ามทิฐิและอคติ เพื่อสร้างอนาคตร่วมกันได้
ความรู้สึกหลังจากชมภาพยนตร์:
ในวันนี้ เราอยู่บ้านเพื่อช่วยหยุดการแพร่เชื้อกันอีกครั้ง และแน่นอนว่าการหากิจกรรมทำในช่วงนี้เป็นสิ่งที่หลายคนสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ เล่นเกม หรือดูหนัง ซึ่งมีหนังใหม่ ๆ น่าดูมากมายออกมาให้เลือกชม แต่บางครั้งหนังเก่า ๆ ที่เคยผ่านตาหลายปีก่อนก็ยังคงน่าสนใจและน่าหยิบขึ้นมาดูอยู่เช่นกัน วันนี้ฉันขอแนะนำหนังแนวโรแมนติกเรื่อง "Pride and Prejudice" หรือที่รู้จักในชื่อภาษาไทยว่า "ดอกไม้ทระนงกับชายชาติผยอง" เป็นนวนิยายเรียลลิสติกเรื่องแรก ๆ ของโลก ประพันธ์โดยเจน ออสติน นักเขียนชื่อดังชาวอังกฤษ นวนิยายนี้ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อกว่า 200 ปีก่อน และถูกแปลเป็นหลายภาษา รวมถึงภาษาไทยภายใต้ชื่อ "สาวทรงเสน่ห์" ซึ่งแปลโดยคุณจูเลียต นามปากกาของคุณชนิด สายประดิษฐ ภรรยาของกุหลาบ สายประดิษฐ์ นักประพันธ์ชั้นครูของไทย หนังสือเล่มนี้ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2493 ผ่านมานานถึง 70 ปีแล้ว แต่เรื่องราวยังคงเป็นที่นิยมและได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์หลายครั้ง ล่าสุดคือในปี 2005 ซึ่งเราจะมารีวิวหนังเวอร์ชันนี้กันค่ะ
สำหรับ "Pride and Prejudice" ปี 2005 นำแสดงโดยเคียร่า ไนท์ลีย์ รับบทเป็นเอลิซาเบธ เบนเน็ต นางเอกของเรื่อง ส่วนมิสเตอร์ดาร์ซี่ รับบทโดยแมทธิว แม็คฟาเดียน ส่วนมิสเตอร์บิงลีย์ เพื่อนสนิทของดาร์ซี่ รับบทโดยไซม่อน วู้ดส์ mvhd24.com
เรื่องราวเกิดขึ้นในต้นศตวรรษที่ 19 ที่อังกฤษ ในยุคนั้นหญิงสาวที่มีการอบรมดี ๆ มักถูกพ่อแม่จัดหาคู่ผ่านงานเลี้ยงเต้นรำ ซึ่งนิยมจัดขึ้นทั่วอังกฤษเพื่อให้หนุ่มสาวได้พบปะและทำความรู้จักกัน ครอบครัวเบนเน็ตเป็นครอบครัวชนชั้นกลางที่อาศัยอยู่ในชนบท และมีลูกสาวถึง 5 คน ซึ่งพ่อแม่ โดยเฉพาะมิสซิสเบนเน็ต กังวลเรื่องการหาคู่ให้ลูกสาวมาก ลูกสาวคนโตและเอลิซาเบธ คนรองถึงวัยที่ควรแต่งงานแล้ว แต่เอลิซาเบธกลับเป็นคนที่ชื่นชอบการอ่านหนังสือและไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานที่ถูกพ่อแม่จัดการ เธอต้องการเลือกชายที่เธอรักด้วยตัวเอง ซึ่งทำให้แม่ของเธอไม่พอใจเสมอ
วันหนึ่ง ครอบครัวเบนเน็ตได้ข่าวว่าทายาทตระกูลบิงลีย์ สองพี่น้องที่ร่ำรวยมากจะมาพักผ่อนที่คฤหาสน์ในชนบท มิสซิสเบนเน็ตจึงวางแผนให้สามีเชิญบิงลีย์มาร่วมงานเต้นรำที่ชุมชนจัดขึ้น ซึ่งบิงลีย์ตอบตกลงและทำให้นางเบนเน็ตดีใจมาก เธอกะเกณฑ์ให้ลูกสาวเข้าร่วมงานครั้งนี้ด้วย ในงาน คุณบิงลีย์ที่ดูสุภาพและมีมิตรภาพกับทุกคนทำให้เป็นที่ชื่นชอบของสาว ๆ ในชุมชน เขายังพาเพื่อนสนิทคือมิสเตอร์ดาร์ซี่มาด้วย ซึ่งเอลิซาเบธรู้สึกประทับใจในตัวดาร์ซี่ในครั้งแรก แต่เมื่อเธอเข้าไปชวนดาร์ซี่เต้นรำกลับถูกปฏิเสธ ทำให้เธอรู้สึกไม่ดี และแอบได้ยินที่ดาร์ซี่คุยกับบิงลีย์ว่าการหาลูกเขยของนางเบนเน็ตดูออกนอกหน้าเกินไป และว่าตัวเธอเองก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ ทำให้เอลิซาเบธพาลไม่ชอบดาร์ซี่ไปเลย
หลังจากนั้น ทั้งคู่ยังคงต้องพบกันบ่อย ๆ และเมื่อเอลิซาเบทรู้ว่าดาร์ซี่เคยดูถูกเธอ ทำให้เธอยิ่งห่างเหินจากเขามากขึ้น แต่ดาร์ซี่กลับเริ่มสนใจในตัวเธอจากความเป็นตัวของตัวเองและความทระนงของเธอ
หนังเรื่องนี้สะท้อนบทประพันธ์อมตะของเจน ออสตินได้อย่างดีเยี่ยม เป็นเรื่องราวโรแมนติกที่ละมุนและตรึงใจ แม้จะไม่ซึ้งสะเทือนใจแต่มันอบอุ่นใจ สำหรับตัวเอง ฉันได้ดูเรื่องนี้มากกว่าสามครั้งเต็ม ๆ และยังหยิบมาดูในบางฉากที่ชอบหลายครั้งอีกด้วย หนังเรื่องนี้ถ่ายทอดแนวคิดและวัฒนธรรมในยุคนั้นออกมาได้อย่างชัดเจน การลำดับเรื่องราวดี ภาพฉากสวยงาม แสงที่ใช้สะท้อนความเป็นอังกฤษในยุคเมื่อร้อยปีก่อน เสื้อผ้าหน้าผมนักแสดงทำออกมาได้สมจริง การสื่อสารทางอารมณ์ระหว่างพระเอกและนางเอกทำได้ดี โดยเฉพาะเคียร่า ไนท์ลีย์ เธอถ่ายทอดอารมณ์ของเอลิซาเบธได้ดีมากจนได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม แม้จะพลาดรางวัลไปแต่เธอยังได้รางวัลลูกโลกทองคำ
ด้วยคุณภาพของบทประพันธ์ การสร้าง และการแสดง ทำให้ "Pride and Prejudice" เวอร์ชันนี้ได้รับรางวัลมากมาย และส่วนตัวฉันให้คะแนนเรื่องนี้ 9.5/10 ค่ะ ในช่วงที่ต้องอยู่บ้านยาว ๆ แบบนี้ นี่เป็นอีกเรื่องที่อยากแนะนำให้ดูค่ะ
#ดูหนังฟรี #ดูหนังใหม่2024 #Pride&Prejudice #ดอกไม้ทรนงกับชายชาติผยอง
กลับด้านบน
Comments on “Pride & Prejudice (2005) Movie Review”